บริษัท JAS หรือ เจ เอส แอล ได้รับการประกาศเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในประเทศไทยตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป หลังจากที่การประมูลลิขสิทธิ์นี้สิ้นสุดลง โดย JAS สามารถเสนอราคาชนะการประมูลและได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทุกการแข่งขันของพรีเมียร์ลีก รวมถึงฟุตบอลเอฟเอคัพ.
การได้รับลิขสิทธิ์ครั้งนี้จะทำให้แฟนบอลในประเทศไทยสามารถรับชมการแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่พวกเขารักได้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลของ JAS ในรูปแบบที่ทันสมัยและสะดวกสบายกว่าเดิม เช่น ผ่านโทรศัพท์มือถือและเว็บไซต์ออนไลน์.
ก่อนหน้านี้, ทรูวิชั่นส์ ได้ถือครองลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2019 และจะสิ้นสุดลงในปี 2025, หลังจากนั้น JAS จะเข้ามาแทนที่ในการเป็นผู้ถ่ายทอดสด.
แหล่งข้อมูลจากหลายแห่งยืนยันว่า JAS จะเริ่มถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2025/26 และจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในวงการถ่ายทอดสดกีฬาในประเทศไทย
ในประเทศไทย, ทรูวิชั่นส์ได้ถือครองลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษต่อเนื่องอีก 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 จนถึง 2024/25 โดยทรูวิชั่นส์เป็นเพียงรายเดียวที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดครบทั้ง 380 แมตช์ในแต่ละฤดูกาล ผ่านทุกแพลตฟอร์มของกลุ่มทรู เช่น ทรูวิชั่นส์, ทรูมูฟเอช, ทรูออนไลน์ และทรูไอดี สมาชิกสามารถรับชมการถ่ายทอดสด, รายการรีรัน, และไฮไลต์ได้อย่างเต็มที่
สำหรับการประมูลลิขสิทธิ์ของฤดูกาล 2025/28 ทรูวิชั่นส์ได้เสนอราคาต่อเนื่องแต่มีบริษัทอื่นที่ได้ลิขสิทธิ์ไปในที่สุด แต่แฟนบอลยังคงสามารถรับชมการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกต่อไปจนถึงสิ้นสุดฤดูกาล 2024/2025
ในช่วงปี 2025, JAS (บริษัท เจ เอส แอล) จะได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในประเทศไทย โดยจะเริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป ซึ่งการได้สิทธิ์นี้จะครอบคลุมการถ่ายทอดทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ ซึ่งจะทำให้แฟนฟุตบอลในประเทศไทยสามารถรับชมการแข่งขันผ่านทุกแพลตฟอร์มดิจิทัล
ส่วนทรูวิชั่นส์ได้ทำการประมูลและได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2024/25 และได้เสนอตัวเข้าประมูลเพื่อต่อสัญญาสำหรับ 3 ฤดูกาลถัดไป (2025-2028) แต่มีรายอื่นที่เสนอราคาได้สูงกว่า ซึ่งในที่สุด JAS จะได้รับสิทธิ์แทน
Thai Post | อิสรภาพแห่งความคิด. THE STANDARD.